วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เสลภูมิพิทฯ สร้างชื่อให้แผ่นดินอีสาน สสส.ให้เป็นต้นแบบเครือข่ายรร.ปลอดเหล้าแห่งที่ ๒ ของประเทศ

เสลภูมิพิทฯ สร้างชื่อให้แผ่นดินถิ่นอีสาน สสส.ให้เป็นต้นแบบเครือข่ายรร.ปลอดเหล้าแห่งที่ ๒ ของประเทศ

นับเป็นความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจยิ่งกับอีก ๑ โครงงานคุณธรรม ที่มีกลุ่มเยาวชนและคุณครูที่ปรึกษาได้ทำงานเกาะติดอย่างมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กับสนับสนุนอย่างดียิ่งของผู้บริหารโรงเรียน จากเดิมที่ได้มี โครงงาน "ลดละเลิกบุหรี่-เมรัยสานสายใยเทิดไท้องค์ราชันย์" ของโรงเรียนเวียงมอกวิทยา จ.ลำปาง ได้รับการประกาศยกย่องและสนับสนุนจากสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. ให้เป็นโรงเรียนต้นแบบของเครือข่ายโรงเรียนปลอดเหล้าของประเทศไทยเป็นแห่งแรก  ล่าสุด ทางสคล.ได้แจ้งข่าวมายังสำนักข่าววิถีพุทธให้ทราบว่าในปีนี้ได้ประกาศให้โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม จ.ร้อยเอ็ด เป็นต้นแบบของเครือข่ายโรงเรียนปลอดเหล้าเป็นแห่งที่สองของประเทศไทย


หลังจากที่ สคล.สสส. ได้ลงมาร่วมทำกระบวนการโครงงานคุณธรรม กับกลุ่มโรงเรียนเป้าหมายที่ได้ทำโครงงานที่มุ่งเน้นให้นักเรียนครูผู้ปกครองในโรงเรียนและชุมชนลดละเลิกเหล้าลงอย่างเป็นกระบวนระบบ ในค่ายโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติระดับภูมิภาค ๘ ค่าย ๘ ภูมิภาค ร่วมกับทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทำให้เห็นความน่าสนใจและศักยภาพการพัฒนาโครงงานในด้านนี้มากขึ้นเป็นอย่างมาก และในจำนวนโครงงานต่างๆ จากทั่วประเทศที่เข้ามาร่วมกระบวนการ ทาง สคล.ได้พิจารณาเห็นว่า โครงงานคุณธรรมของโรงเรียนเสลภูมิวิทยา จ.ร้อยเอ็ดที่ได้ทำงานฝ่าฟันเรื่องนี้มาอย่างเกาะติดต่อเนื่องและทุ่มเท แม้ในช่วงแรกจะไม่ได้รับความสำเร็จเรื่องรางวัล แต่คุณครูที่ปรึกษาก็ยังทุ่มเทได้จัดหางบประมาณในทางส่วนตัวมาสนับสนุนโครงงานของเยาวชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ประสานความร่วมมือจากบุคคลและองค์กรต่างๆในท้องถิ่นเข้ามาช่วย จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จได้รับรางวัลและการประกาศยกย่องจากหน่วยงานต่างๆ เป็นจำนวนมาก และงานก็มีพัฒนาการที่น่าสนใจและมีผลงานที่น่ายกย่องชื่นชม สคล.จึงยกให้โรงเรียนเสลภูมิพิทยาคม เป็นต้นแบบของเครือข่ายโรงเรียนปลอดเหล้า เป็นแห่งที่ ๒ ของประเทศไทย นับว่าเป็นการสร้างชื่อและเกียรติประวัติให้กับคนไทยแผ่นดินอีสานทุกคนอีกครั้งว่า "แผ่นดินอีสานไม่สิ้นคนดี"


โครงงานคุณธรรม ของโรงเรียนเสลภูมิพิทยาคมนี้ มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นงานไม่ง่ายที่ท้าทายยิ่ง เพราะต้องทำงานในโรงเรียนขนาดใหญ่กับจำนวนนักเรียนระดับ ๒,๗๐๐ คน แต่เพราะได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจังจากท่านผู้อำนวยการโรงเรียนจึงทำให้โครงงานสามารถดำเนินการมาได้อย่างต่อเนื่องและจริงจังจนประสบความสำเร็จ ด้วยเหตุนี้ ทาง สคล.สสส.จึงได้พิจารณามอบโล่ ผอ.ปลอดเหล้า ให้เป็นเกียรติประวัติอย่างสูงแก่ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นท่านที่ ๒ ของประเทศไทยด้วยเช่นกัน และ สคล.ยังแจ้งมาเพิ่มเติมว่ากำลังพิจารณามอบโล่ให้กับ ผอ.โรงเรียนอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะมีการประกาศและมีพิธีมอบโล่ผอ.ปลอดเหล้าในงานศิลปหัตถกรรมระดับชาติประจำปีการศึกษานี้ ที่ทางสพฐ.จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ต่อไป   และหากมีข่าวความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างไร ทางสำนักข่าววิถีพุทธจะรายงานให้ทราบต่อไป    


..ขอร่วมอนุโมทนาบุญครั้งนี้ด้วย  สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ





เครือข่ายโรงเรียนปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่
           ด้วยโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ เยาวชนไทยทำดี ถวายในหลวง
ชื่อโรงเรียน  เสลภูมิพิทยาคม
ที่อยู่  ๙๙ หมู่ ๑  ตำบลขวัญเมือง   อำเภอเสลภูมิ    จังหวัดร้อยเอ็ด   รหัสไปรษณีย์ ๔๕๑๒๐
โทรศัพท์. ๐๔๓-๕๕๑-๓๙๕-๖ อีเมล์  tonklahnamcom@hotmail.com
ผู้อำนวยการ
ชื่อ-สกุล  นายพีรพงษ์ พงศ์ศาสตร์
คุณครูแกนนำโครงงาน
๑.นางสุมาลี  ศรีชมภู
วิชาที่สอน สังคมศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
๒.นายนฤนาท  พลสาเดช
วิชาที่สอน สังคมศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓
ระยะเวลาที่ดำเนินโครงงาน (เริ่มต้น จนถึงปัจจุบัน) เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ.๒๕๕๐ ปัจจุบัน
ผลงานในการดำเนินโครงงาน
รางวัลที่ได้รับ
๑.โครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ ดีเด่น ระดับประเทศ ปีการศึกษา ๒๕๕๐
๒.ได้รับรางวัล ระดับเหรียญทอง ลำดับที่ ๑ โครงงานคุณธรรม ระดับชั้น ม.๔ ม.๖
งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปีการศึกษา ๒๕๕๒
๓.รางวัลชนะเลิศ งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ปีการศึกษา ๒๕๕๒
๔.ได้รับรางวัล เหรียญเงิน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย การนำเสนอกิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์
งานนำเสนอผลงานโรงเรียน ครูและนักเรียน โครงการโรงเรียนมาตรฐานสากล ปีการศึกษา ๒๕๕๓
๕.ได้รับรางวัลชนะเลิศ  ระดับเขตพื้นที่การศึกษาร้อยเอ็ดเขต ๓ โครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ
มัธยมศึกษาตอนปลาย
๖.ได้รับการคัดเลือกระดับภูมิภาค เข้าร่วมประกวดระดับประเทศ โครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ
มัธยมศึกษาตอนปลาย
กิจกรรมที่แก้ปัญหาเหล้า  บุหรี่ ในโรงเรียนของตน
กิจกรรมที่ ๑.อบรมให้ความรู้พิษภัยเหล้า บุหรี่ ให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑และ๒
กิจกรรมที่ ๒.รณรงค์ลด ละ เลิก เหล้าบุหรี่
กิจกรรมที่ ๓.บำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม
-ปลูกต้นไม้ภายในโรงเรียน
-ห้องเรียนสีขาว
-ร่วมใจทำความดีเพื่อถวายพ่อหลวง 
กิจกรรมที่ ๔.เยี่ยมบ้าน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
การขยายเครือข่าย และเครือข่ายที่เกิดขึ้น
 -เครือข่ายการทำโครงงานในโรงเรียนชั้นม.๒,,,
-เครือข่ายลด ละ เลิก เหล้า-บุหรี่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑และ๒
-เครือข่ายทำความดีหลีกภัยเหล้า-บุหรี่จากพี่สู่น้อง โรงเรียนระดับประถมศึกษาในเขตพื้นที่
อำเภอเสลภูมิ ๔ โรงเรียน นักเรียนจำนวน ๘๕๐ คน
การรับทุนสนับสนุนโครงงานคุณธรรมฯ  จากหน่วยงานต่างๆ  (ถ้ามี)
ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย  วิทยาเขตร้อยเอ็ด
ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากเครือข่ายองกรณ์งดเหล้า
รายนามเยาวชนผู้ดำเนินโครงงานฯ (ชื่อ-สกุล/ชั้น)
. นายอานนท์    วรวงค์                   ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕                        
. นายสุระพร     ศรีสุระ                 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔                                               
๓.นายศุภชัย   สุ่มมาตย์                    ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔                                               
. นายภูกิจ      เสือเสนา                  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔                                     
. นางสาวศศิกานต์   พิมพิลา          ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔                                               
. นายกิตติธัช   วิชัยรัช                    ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔                                                    
.นางสาวศุภสุตา    รสทอง            ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔                        
.นางสาวธิดาพร       ภูแดนแผน    ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖                        
.นางสาวจิตรา          พิมพ์บูลย์      ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖                         
๑๐
.นางสาวสุนิสา        สอนสวัสดิ์  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖                        
๑๑.นายปฏิเวธ             งามฉวี         ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖                        
๑๒
.นางสาวปิยพร      นวลน้อม       ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔                        
๑๓
.นางสาววรนัณ     วรรณพฤกษ์   ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔                        
                                                                  
สิ่งที่ต้องการให้ หนุนเสริม เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของโรงเรียนปลอดเหล้า ปลอดบุหรี่ด้วยโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ เยาวชนไทยทำดีถวายในหลวง
๑สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)
1.อยากให้มีองกรค์/สถาบันหรือหน่วยงานต่างๆ ที่รับรองการทำงานของเยาวชนอย่างชัดเจน ด้านการเรียน
เช่น ให้ทุนสนับสนุนให้กับเยาวชนที่ทำความดี
2.มีสถาบัน/มหาวิทยาลัยรองรับให้การศึกษาต่อ-ให้การยกย่องชมเชยเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมอย่างภาคภูมิใจ
3.อยากให้มีการเข้าค่ายอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล้า บุหรี่ให้กับเยาวชนแกนนำเพื่อการเป็นวิทยากร
  และเพื่อเสริมศักยภาพของเยาวชนให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

๒ สพม/สพป
๑.อยากให้ สถาบันหรือหน่วยงานต่างๆ /องกรค์ให้ความสำคัญเยาวชนที่ทำความดี(ทำความดีจะไม่ได้โดเดี่ยว)
๒.อยากให้มีการรณรงค์หรือการให้ความรู้เกี่ยวกับเหล้า-บุหรี่ในสถานศึกษาอย่างจริงจัง
๓.อยากให้มีกฎหมายหรือการลงโทษ/หรือหากมีการฝ่าฝืน เช่น ห้ามมีร้ายขายเหล้า-บุหรี่อยู่ใกล้สถานศึกษา ต้องกำหนดระยะทางอย่างชัดเจน
๔.อยากให้ทุกๆสถานบันมีกฎระเบียบที่ว่าด้วยเรื่องเหล้า-บุหรี่ลงมือทำเหมือนกันและเข็มงวดอย่างจริงจัง
๓ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
-อยากให้องกรค์/สถาบันหรือหน่วยงานต่างๆ ช่วยเหลือ สนับสนุน ให้ความร่วมมือ การทำงานของเยาวชน เช่น โรงพยาบาล ชุมชน หมู่บ้าน  เทศบาล ฯลฯ
๔ กลุ่มกัลยาณมิตรเพื่อการเสริมสร้างเครือข่ายวิถีพุทธ (กคพ.)
-อยากให้มีการเข้าค่ายอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการสร้างพลังบวกให้กับตัวเองให้กับเยาวชนแกนนำเพื่อการเป็นวิทยากรและเพื่อเสริมศักยภาพของเยาวชนให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

 ๕ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)
-อยากให้มีการเข้าค่ายอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องเหล้า บุหรี่ให้กับเยาวชนแกนนำเพื่อการเป็นวิทยากร
  และเพื่อเสริมศักยภาพของเยาวชนให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
-อยากให้เข้าค่ายอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานให้กับเยาวชนที่ทำโครงงานเกี่ยวเหล้า-บุหรี่เพื่อนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พ่อแม่เปลี่ยนแปลง เพราะได้ลูกๆเป็นกัลยาณมิตร ชวนฟื้นวิถีวันพระ วันแห่งครอบครัวชาวพุทธ


 พ่อแม่เปลี่ยนแปลง เพราะได้ลูกๆเป็นกัลยาณมิตร ชวนฟื้นวิถีวันพระ วันแห่งครอบครัวชาวพุทธ


ภาพและความรู้สึกปิติในพัฒนาการที่ดีขึ้นของเด็กๆ ชุมชนพุทธชยันตีเฉลิมราช
 
เด็กๆ มาสวดมนต์กันสม่ำเสมอ มีบางคนที่หายไป แต่....มีหลายคนเข้ากระแสวันพระแล้ว.....
 
เด็กๆ ช่วยกันทำงานจิตอาสาเหมือนเดิม ด้วยความสนุกสนาน โป๊กเป๊กๆ กันไปตามประสาเด็กๆ





     วันนี้มีพ่อแม่ เด็กๆ ตามมาสวดมนต์ด้วย ๒ ครอบครัว แม้ผู้เป็นพ่อ จะดูเก้ๆกังๆ บ้างนั่นเพราะความไม่คุ้นชิน
 
แต่ก็ทำให้ลูกอิ่มเอมด้วยแรงรัก.... แรงบุญ....พลังของพ่อแม่ทำให้เขาดูมั่นคงมาก สำหรับการสวดมนต์วันนี้
 
และครอบครัวเหล่านี้พ่อเลิกกินเหล้าก็มี บางคนขอเลิกวันพระก่อน 
 
     วันนี้ชวนให้เด็กๆ สื่อสารความดีด้วยการอ่านหนังสือธรรมะ ให้พ่อ แม่ฟังทุกวันพระ ซึ่งเด็กๆ เห็นด้วย
 
ประเดิมด้วยอ่านเรื่องพุทธชยันตีเฉลิมราช ให้ทั้งตัวเขาเอง และพ่อแม่รับรู้ไปพร้อมๆกันอย่างชัดเจนมากขึ้น และให้พ่อแม่ช่วยบันทึกความรู้สึกด้วย
 
เด็กๆ เป็นผู้ออกแบบหน้าปกของเรื่องราวพุทธชยันตีเฉลิมราช  บางคนขอซ้อมอ่านให้ครูซะ กับป้าแอ๊ะฟังก่อน  เห็นแล้วชื่นใจค่ะ


วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

"อนุสติวันพระ" ล้ำไปอีกขั้นใช้เทคโนโลยีมือถือช่วยสื่อสาร

"อนุสติวันพระ" ล้ำไปอีกขั้นใช้เทคโนโลยีมือถือช่วยสื่อสาร

ธรรมอาสาสมัครเครือข่ายปฏิบัติบูชา "พุทธชยันตีเฉลิมราช" ได้แจ้งข่าวมาให้ทราบว่าขณะนี้ได้มีผู้สัทธาในการช่วยกันฟื้นวันพระให้เป็น "วันแห่งสติ" ของสังคมไทยอีกครั้ง โดยใช้เทคโนโลยีมือถือช่วยในการให้บริการสื่อสารวันพระผ่านทาง SMS โดยจะให้บริการแจ้งเตือนในวันโกน คือก่อนวันพระ 1 วัน และจะให้บริการเตือนซ้ำในวันพระด้วย และทั้งหมดนี้เป็นบริการฟรี ที่ได้รับการสนับสนุนจาก ร้านใบพลู ซอยสวนพลู ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมอนุสติวันพระนี้ โทร.ไปที่ 080-080-7211 เพื่อสมัครรับ SMS

@ บริการแจ้งเตือน "วันพระ" อัตโนมัติ @ ฟรีผ่าน SMS
คุณจะไม่ลืมวันพระอีกต่อไปด้วยบริการ วันพระ Alert
สมัครง่ายๆ เพียงโทร 080-080-7211 ระบบตอบรับอัตโนมัติ
และท่านจะได้รับ SMS ยืนยันการสมัครภายใน 24 ชั่วโมง
ฟรี ฟรี ฟรี และฟรีตลอดไป
SMS จะแจ้งเตือนท่าน ก่อนถึงวันพระ 1 วัน และในวันพระด้วย
เป็นบริการที่สนับสนุนค่าใช้จ่ายโดย ร้านใบพลู @ ซ. สวนพลู

ขอทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนากับ ร้านใบพลู ที่เป็นกำลังสำคัญในการทำบุญสื่อสารความดีให้วันพระกลับมาเป็น "วันแห่งสติ" ของสังคมไทยอีกครั้ง

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ
ธรรมอาสาสมัครเครือข่าย พุทธชยันตีเฉลิมราช

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ครอบครัวชาวพุทธสุดวิกฤต! วันพระโพลล์ ตอกย้ำการถูกวางยา เหลือสนใจทำบุญร่วมกันแค่ 11%

ครอบครัวชาวพุทธสุดวิกฤต
วันพระโพลล์ ตอกย้ำการถูกวางยา 
เหลือสนใจทำบุญร่วมกันแค่ 11%

สำนักข่าววิถีพุทธ ได้ทำการสำรวจสภาวการณ์กิจกรรมของครอบครัวชาวพุทธในแต่ละวันพระ โดยผ่านระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ค จากการสำรวจวันพระ ๒ วันพระที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ พบตัวเลขสถิติที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเราลองเทียบกับเมื่อตอนก่อนหน้าจะมี คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีในยุคเผด็จการ ๒ ฉบับ (ในปี พ.ศ. 2500 และ 2502)ที่ออกมามีผลเป็นการวางยาทำลายวิถีของครอบครัวและชุมชนชาวพุทธที่เคยมีกิจกรรมสร้างความอบอุ่นสามัคคีร่วมกันในทุกวันพระกันเป็นปกติ 100% เต็ม ปัจจุบันหลังจากถูกวางยามา 50 กว่าปีแล้ว ผลจะเป็นเช่นไร..?

การสำรวจเริ่มจากการมีกิจกรรมเชิญชวนบุคคลที่เป็นเพื่อนกับ กคพ.กัลยาณมิตรเครือข่ายวิถีพุทธ (เดิมใช้ชื่อในเฟซบุ๊คว่า โครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ) ให้ได้มาช่วยกันฟื้น “วิถีทำบุญร่วมกันครอบครัว” โดยไม่จำกัดสถานที่ เวลา และตัวกิจกรรมที่จะทำบุญ เปิดกว้างทั้งหมด  รวมทั้งมีคำแนะนำว่าหากแยกมาอยู่เดี่ยวไม่ได้อยู่กับครอบครัว ก็ให้ใช้วิธีทำบุญอย่างง่ายๆ อะไรก็ได้ ทั้งการเว้นบาปทำสิ่งไม่ดี หรือการทำความดีอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การงดเว้นไม่ดื่มเหล้าในวันพระ และอุทิศบูชาคุณพ่อแม่ ก็ถือว่าได้บุญกุศลมาก และนับว่าเป็นการทำบุญให้ครอบครัว เพราะพ่อแม่ย่อมมีส่วนในบุญของลูกอย่างเต็มที่เพราะชีวิตร่างกายไม่ว่าจะเป็นมือเท้าหูตา.. ของลูก ครึ่งหนึ่งล้วนมาจากพ่อ อีกครึ่งมาจากแม่ ลูกใช้มือเท้าอวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหลายไปทำสิ่งใด พ่อแม่ย่อมมีส่วนในสิ่งนั้นด้วย   หากลูกไปทำบุญโดยเจาะจงอุทิศบูชาคุณท่าน พ่อแม่เมื่อได้รับทราบจะยิ่งปีติใจและอนุโมทนาบุญได้ง่ายได้บุญมากด้วย หากนึกอะไรไม่ออกบุญง่ายที่สุดคือบุญสื่อสารความดีให้วันพระกลับมาเป็น “วันแห่งสติ” ของสังคมไทยในการช่วยกันส่งต่อข้อความหรือสื่อสารโดยวิธีการใดก็ได้จะเป็นอีเมล์หรืออื่นๆ เพื่อบอกกล่าวคนที่รู้จักเกี่ยวข้องให้ทราบว่าวันพรุ่งนี้หรือวันนี้เป็นวันพระ ให้เว้นบาปทำบุญ เช่น “วันนี้วันพระ งดเหล้า ได้บุญทั้งบ้าน” เป็นต้น

ผลจากการสำรวจครั้งแรก ในวันพระ ที่ตรงกับวันเสาร์ที่ 16 ต.ต. 2553 ได้มีการส่งข้อความเชิญไปทั้งสิ้น 1,329 ราย ตอบกลับมาทั้งหมด 225 ราย (คิดเป็น 16.93 %) ในจำนวนนี้ ยืนยันเข้าร่วมทำกิจกรรมทำบุญร่วมกันวันพระ 103 ราย คิดเป็น 7.75 %
ผลจากการสำรวจครั้งที่สอง ในวันพระ ที่ตรงกับวันเสาร์ที่ 23 ต.ต. 2553 ได้มีการส่งข้อความเชิญไปทั้งสิ้น 1,664 ราย ตอบกลับมาทั้งหมด 351 ราย (คิดเป็น 21.09 %) ในจำนวนนี้ ยืนยันเข้าร่วมทำกิจกรรมทำบุญร่วมกันวันพระ 184 ราย คิดเป็น 11.06 %  ซึ่งจะเห็นได้ว่าในครั้งที่สองนี้มีบุคคลเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นจากเดิม 3.31 % ทั้งนี้อาจเป็นเพราะวันพระที่ผ่านมาเป็นวันพระใหญ่ในเทศกาลสำคัญคือวันมหาปวารณา-ออกพรรษา จึงอาจทำให้มีส่วนช่วยให้คนคิดทำบุญเพิ่มมากขึ้น

ในขณะเดียวกัน ผลการสำรวจยังได้แสดงให้เห็นข้อมูลที่น่าสนใจว่ามีผู้ที่ตอบยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมด้วย แม้ว่ามีจำนวนน้อยกว่าผูเข้าร่วมก็ตาม แต่พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คือจากครั้งแรก ผู้ไม่เข้าร่วมมีจำนวน 71 ราย (5.34%) ครั้งที่สอง ผู้ไม่เข้าร่วมมีจำนวน 104 ราย (6.25%) เพิ่มขึ้นจากครั้งแรก 0.91 % ทำให้เกิดคำถามว่า ชาวพุทธกว่า 90 % ที่ไม่ได้ตอบ หรือ ประมาณ 6 % ที่ยืนยันว่าจะไม่ทำบุญร่วมกับครอบครัวในวันพระเหล่านี้เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา??  และทั้งหมดนี้คือผลผลิตของการถูกวางยาจากรัฐบาลเผด็จการเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ที่ทำให้สังคมไทยที่มีชาวพุทธกว่า 95% เลวร้ายลงและเผชิญวิกฤตการณ์ทางสังคมอย่างหนักหน่วงอันเกิดจากการกระทำของคนไทยกันเอง ซึ่งตรงข้ามกับคำสอนและวิถีชาวพุทธอย่างสิ้นเชิง  ...50 ปีเท่านั้นเอง!

อนุโมทนาที่มาข้อมูล: ๒๖๐๐ ๘๔ พุทธชยันตีเฉลิมราช

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พุทธชยันตี เด็กอุทัยไม่น้อยหน้า ขับขานเพลงวันพระให้สติสังคม สุดไพเราะ!

พุทธชยันตี เด็กอุทัยไม่น้อยหน้า 
ขับขานเพลงวันพระให้สติสังคม สุดไพเราะ!

"...วันนี้เป็นวันหนึ่ง เป็นวันที่สำคัญ วันที่เราต้องไปวัด วันที่เราต้องไปสวดมนต์..
..วันที่ห่างหายไปเนิ่นนาน วันที่เราเคยชื่นบาน วันที่ทุกคนมาเยี่ยมเยือนกัน วันที่สังคมสงบเย็น..
.. เป็นวันที่เราได้ไป เสียสละ 
เป็นวัน เสียสละ อาหาร ...เสียสละ แรงงาน  ...เสียสละ เวลา ... เพื่อส่วนรวม
..ขอให้เธออย่าลืม ขอให้เธอมีสติ ขอให้เธอฝึกใจให้เย็น ขอให้เรามาพบกัน.."

เสียงใสๆ สุดแสนน่ารัก บวกกับเนื้อร้องที่กินใจ ทำนองที่ไพเราะฟังง่ายฟังสนุกไม่รู้เบื่อนี้ เป็นการขับขานบทเพลงที่ชื่อว่า "วันนี้วันพระ" ของเด็กๆ จากจังหวัดอุทัยธานีร่วมกับคุณลุงไชยะศิลปินอิสระ ที่มองว่าต้องการร่วมทำบุญในโอกาสพุทธชยันตีด้วยการอุทิศแรงกายแรงใจความเพียรพยายามในการทำบทเพลงให้สติแก่สังคมไทยได้ระลึกถึงความดีงามในวันพระที่สร้างวิถีชาวพุทธให้โอบล้อมให้สังคมไทยเราสงบเย็นมาโดยตลอด แต่วันนี้ห่างหายไปแล้วกว่า 50 ปีที่ถูกวางยาวให้วิถีพุทธวันพระออกไปจากครอบครัวและชุมชนไทยพุทธ

ด้วยหัวใจที่สัทธาต่อความดี สัทธาต่อวิถีพุทธวันพระ ที่นำพาความอบอุ่นในครอบครัวกลับมา  นำพาความสามัคคีความเสียสละต่อส่วนรวมกลับมาสู่ชุมชน คุณลุงไชยะจึงได้สร้างสรรค์ผลงานเพลงในอัลบั้มเดียวกันนี้ถึง 14 บทเพลงด้วยกัน โดยมุ่งเน้นจะให้ได้ใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ธรรมะสำหรับเด็กประถมศึกษา เนื่องในโอกาสการปฏิบัติบูชาเฉลิมฉลองพุทธชยันตีเฉลิมราช ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายองค์กรงดเหล้าในการผลิตและจัดทำสื่อเผยแพร่ ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับสื่อนี้ได้จากเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ซึ่งมีทั้งเนื้อเพลงพร้อมคอร์ตกีตาร์ให้เรียบร้อย

คุณอภิศา มหะมาน ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ได้ให้สัมภาษณ์ถึงบทเพลงอัลบั้มที่ยังไม่ได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการนี้ว่า "ทางเครือข่ายองค์กรงดเหล้าได้สนับสนุนให้ทำเพลงชุดนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อดีดี สำหรับเด็กประถมศึกษา เนื่องในพุทธชยันตีเฉลิมราช มีทั้งหมด ๑๔ เพลง สมสมัยกับสถานการณ์ก้าวย่างแห่งกลียุคทุกเพลง  ก็ใช้สติปัญญาเท่าที่มีอยู่ในการชวนให้คนไทยไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่มาช่วยกันทำบุญให้กับมนุษยชาติ เพื่อให้เกิดคลื่นพลังงานเชิงบวกมากๆ  อาจจะผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้าง ในก้าวย่างแห่งกลียุค" นอกจากนี้เธอยังได้ฝากตบท้ายในการมองแง่บวกสำหรับคนยุคนี้ว่า    "คงเป็นโอกาสทองของคนที่เกิดมาในยุคนี้ให้ได้เก็บสะสมเสบียงบุญกันตามเหตุปัจจัยค่ะ"


สำหรับรายนามเจ้าของเสียงใสๆ ที่มาร่วมกันขับขานเพลงแห่งสตินี้ ได้แก่
1)ด.ช ศิริพงษ์ แหลมเนียม (โจ ) ป.5 โรงเรียน ทองประสาทเวทย์ อ.หนองฉาง 2)ด.ช กลวัชร   ชมทองหลาง (เต๋า) ป.6/4 โรงเรียนอนุบาลบ้านไร่ อ.บ้านไร่
3)ด.ช ศราวิน   แดงสิงห์ (เอิร์ท) ป.5/1 โรงเรียนอนุบาลบ้านไร่อ.บ้านไร่
4)ด.ญ ศุภานัน  แหลมเนียม (จิน) อายุ 5 ขวบ อนุบาล 3 โรงเรียนจตุพร อ.บ้านไร่ 5)ด.ญ ภัทราพร  มาถึง (อิ๋ว) ป.5 โรงเรียนวัดหนองแก ต.หนองแก อ.เมือง
6)ด.ญ นริศรา  ดวนสิงห์(เหมียว) ป.5  โรงเรียนวัดหนองแก ต.หนองแก อ.เมือง
7)ด.ญ นฤสรณ์ (..........) ป.2  โรงเรียนวัดหนองแก ต.หนองแก อ.เมือง
ทั้งหมดนี้เป็นเด็กนักเรียนใน จ.อุทัยธานี



ทางสำนักข่าววิถีพุทธขอชื่นชมอนุโมทนาสาธุการให้แก่คณะเด็กๆ และคุณลุงไชยะอย่างสุขใจยิ่งไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ

เด็กเลิกติดเกม อานิสงส์วิถีพุทธวันพระ ชุมชนเดินหน้าสวนกระแสเสื่อมของสังคม

เด็กเลิกติดเกม อานิสงส์วิถีพุทธวันพระ 
ชุมชนเดินหน้าสวนกระแสเสื่อมของสังคม

เยาวชนเครือข่ายชุมชนพุทธชยันตีเฉลิมราช (ชุมชนชมเดือน) ยังร่วมกันปฏิบัติบูชาอย่างเข้มแข็งต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมิถุนายน ก่อนเข้าพรรษา ด้วย….หัวใจที่ใฝ่บุญ ณ วัดบุณยประดิษฐ์ (พุทธมณฑลสาย ๒) โดยมีพระอาจารย์พาเด็กๆ สวดมนต์ ทำสมาธิถวายเป็นพระราชกุศล ถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนกลับบ้านพระอาจารย์ให้เด็กๆ กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่ลืมไม่ได้คือ….พระที่บ้าน (คุณพ่อ คุณแม่) และคุณครู…..

เมล็ดพันธุ์แห่งพุทธ  เริ่มตื่นแล้ว…..จากก้าวแรกที่เด็กๆ เข้ามาสวดมนต์ บำเพ็ญประโยชน์ที่วัด  ด้วยการช่วยถวายน้ำปานะแด่พระภิกษุ
วันนี้เด็กๆ มีท่าทีที่เปลี่ยนไป …. เต้ยและกอล์ฟเป็นแฟนพันธุ์แท้เข้าวัดทุกวันพระ เมื่อได้รับ….ธรรมโอสถอย่างต่อเนื่อง

เดี่ยวนี้…….เขาเลิกเล่นเกมแล้ว

ก้าวต่อไป….เด็กๆ ในเครือข่ายชุมชนพุทธชยันตีเฉลิมราช ในทุกวันพระเด็กๆ จะอ่านหนังสือธรรมะ (๓๐ วิธีทำบุญ) ให้คุณพ่อคุณแม่ฟังและร่วมบันทึกความรู้สึกทั้งผู้อ่าน และผู้ฟังในสมุดเล่มน้อย
ขออนุโมทนากับเด็กๆ และผู้ใหญ่ในชุมชนที่ลุกขึ้นมาเป็นเสาหลักให้เด็กๆ ได้เกาะเกี่ยวเพื่อเติบโตอย่างงดงาม…..ไร้แอลกอฮอล์


ขออนุโมทนาข่าวดีจากเครือข่ายองค์กรงดเหล้า http://2600-84.stopdrink.com

สองคุณจ่าขานรับวันพระ "วันแห่งสติ" เด็กๆเรียนรู้ภัยอบายมุขชวนผู้ใหญ่งดเว้นน้ำเมาฉลองพุทธชยันตี



สองคุณจ่าขานรับวันพระ

"วันแห่งสติ" 


เด็กๆเรียนรู้ภัยอบายมุข ชวนผู้ใหญ่งดเว้นน้ำเมาฉลองพุทธชยันตี


สำนักข่าววิถีพุทธ ได้รับแจ้งข่าวจากธรรมอาสาสมัครที่ทำงานกับชุมชนสองคุณจ่า ซึ่งเป็น ๑ ในหลายชุมชนที่ตอบรับเข้าร่วมเป็นเครือข่ายชุมชนพุทธชยันตีเฉลิมราชโดยสมัครใจว่าได้ดำเนินกิจกรรมให้วันพระเป็น "วันแห่งสติ" อย่างต่อเนื่อง โดยมีเด็กๆในชุมชนมารวมตัวกันเพื่อสวดมนต์ร่วมกันในวันพระ และทำกิจกรรมสื่อสารความดี

      ที่น่าสนใจมากๆคือ ชุมชนได้ถือโอกาสที่จะใช้พลังจาก "วันพระ" ในทางจิตวิทยาเชิงลึกให้เกิดสำนึกละอายชั่วกลัวบาปในการผิดศีลไปข้องเกี่ยวกับของมึนเมาหรือไปลุ่มหลงกับอบายมุข โดยเริ่มจากที่ตัวเด็กๆ เองได้เรียนรู้ถึงโทษภัยความร้ายกาจของน้ำเมาและอบายมุขทั้งหลายจากสื่อสมัยใหม่ที่ฉายให้ดูก่อน  จากนั้นเด็กๆก็จะกลายเป็นผู้รับทำหน้าที่สำคัญคือเป็นธรรมอาสาสมัครสื่อสารความดี ไปชักจูงหรือเชิญชวนผู้ใหญ่ที่บ้านของตนหรือการไปติดสติ๊กเกอร์ในชุมชนให้ผู้ใหญ่ได้ช่วยกันงดเว้นการทำบาปผิดศีลข้อที่ ๕ ในการดื่มน้ำเมา ในวันพระ  หากงดเว้นได้จริงก็จะเปลี่ยนจากบาปเป็นได้บุญแทน จิตใจเป็นกุศลได้ทั้งครอบครัวเลย สมกับสโลแกนของเครือข่ายที่ว่า "วันพระงดเหล้า ได้บุญทั้งบ้าน"

วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553

รายการธรรมะติดปีก ตอน พระพรหมคุณาภรณ์

รายการธรรมะติดปีก ตอน พระพรหมคุณาภรณ์
เดินตามรอยวิถีแห่งปราชญ์ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) ผู้เป็นแสงสว่างแห่งแรงบันดาลใจของมนุษย์ผู้ฝึกตนดีแล้ว ท่าน ว.วชิรเมธี ก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้รับแสงสว่างแห่งแรงบันดาลใจนั้น ด้วยการฝึกตนบนวิถีแห่งปัญญานี้เช่นกัน อันเป็นบทพิสูจน์สัจจธรรมแห่งศักยภาพในการพัฒนาตนของมวลมนุษยชาติ..

..ความงดงามที่สุดของที่สุดจึงเกิดขึ้น เมื่อท่านได้มานำเราเดินตามรอยวิถีแห่งปราชญ์ ที่ วัดญาณเวศกวัน..   ลองตามท่านไปเรียนรู้ในวันนี้

ขอโอกาสพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์ขอรับ

"อุกาส วนฺทามิ ภนฺเตฯ สพฺพ อปราธํ ขมถ เม ภนฺเตฯ มยา กตํ ปุญฺญํ สามินา อนุโมทิตพฺพํฯ สามินา กตํ ปุญญํ มยฺหํ ทาตพฺพํ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ"

พระเดชพระคุณท่านอาจารย์ผู้เจริญยิ่งขอรับ กระผมขอโอกาสน้อมวันทาพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ขอรับ
พระเดชพระคุณท่านอาจารย์ผู้เจริญยิ่งขอรับ โทษล่วงเกินทั้งหลายทั้งปวง ขอพระเดชพระคุณท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตา ยกโทษอดโทษให้แก่กระผมด้วยครับผม
บุญกุศลอันใดที่กระผมได้กระทำไว้แล้ว ขอพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์ผู้เจริญยิ่งได้พึงพิจารณาอนุโมทนาขอรับ  บุญกุศลอันใดที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์ผู้เจริญยิ่งได้กระทำไว้แล้ว อันจะพึงเมตตาพิจารณาให้แก่กระผม อย่างดีแล้ว อย่างดียิ่งแล้ว กระผมขอกราบอนุโมทนาในบุญกุศลนั้นด้วยขอรับ ขอมีส่วนแห่งบุญกุศลนั้นด้วยครับผม

ขอโอกาสท่านอาจารย์พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ครับ
"อุกาส วนฺทามิ ภนฺเตฯ สพฺพ อปราธํ ขมถ เม ภนฺเตฯ มยา กตํ ปุญฺญํ สามินา อนุโมทิตพฺพํฯ สามินา กตํ ปุญญํ มยฺหํ ทาตพฺพํ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ"

ท่านอาจารย์ผู้เจริญครับ กระผมขอโอกาสน้อมวันทาท่านอาจารย์ครับผม
ท่านอาจารย์ผู้เจริญครับ โทษล่วงเกินทั้งหลายทั้งปวง ขอท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตา ยกโทษอดโทษให้แก่กระผมด้วยครับผม
บุญกุศลอันใดที่กระผมได้กระทำไว้แล้ว ขอท่านอาจารย์ผู้เจริญได้พึงพิจารณาอนุโมทนาครับ  บุญกุศลอันใดที่ท่านอาจารย์ผู้เจริญได้กระทำไว้แล้ว อันจะพึงเมตตาพิจารณาให้แก่กระผม อย่างดีแล้ว อย่างดียิ่งแล้ว กระผมขอกราบอนุโมทนาในบุญกุศลนั้นด้วยครับ ขอมีส่วนแห่งบุญกุศลนั้นด้วยครับ

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ
พระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวํโส

วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

นักเรียนโครงงานคุณธรรมที่ขอนแก่นสร้างชื่อ สพฐ.ปลื้มผลงานอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎก

นักเรียนโครงงานคุณธรรมที่ขอนแก่นสร้างชื่อ

สพฐ.ปลื้มผลงานอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎก 

พระธัมมบท "สีลและปัญญาเป็นยอดในโลก"


เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ ยุวชนแกนนำในส่วนภูมิภาคจากโรงเรียนชุมชนบ้านวังเพิ่ม อำเภอ สีชมพู จังหวัดขอนแก่น ได้จัดนิทรรศการแสดงผลงานโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ "เยาวชนไทย ทำดี ถวายในหลวง" และกิจกรรมการอ่านสังวัธยายพระไตรปิฏก น้องถวายเสียงเป็นพุทธบูชา เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา การประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๕ (สพป.ขก.๕) รับการตรวจเยี่ยมติดตามผลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ในส่วนของกลยุทธ์ที่ ๒ ประเด็นที่ ๒.๑ การจัดกิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม

ซึ่งนอกจากนักเรียนโครงงานคุณธรรมจะนำเสนอรูปแบบการทำกิจกรรมโครงงานคุณธรรมแล้ว นักเรียนแกนนำ ยังได้เผยแพร่พระพุทธพจน์ ในการอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกสากล ในธัมมบท "สีลและปัญญาเป็นยอดในโลก" สร้างความประทับใจ และชื่นชมแก่แขกผู้มีเกียรติจาก สพฐ. และคณะผู้ติดตามเป็นอันมาก ที่เห็นยุวชนไทย ได้ถวายความจงรักภักดีแด่ ร.๕  และสืบต่ออายุพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทยต่อไป

ยุวชนอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกสากล เป็นพุทธบูชา

ประวัติศาสตร์เริ่มต้นนับหนึ่งแล้ว
การอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกภาษาปาฬิ อักษรโรมัน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
โดยนักเรียนเยาวชนในส่วนภูมิภาค
กับโครงการยุวชนอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎก


โครงการยุวชนอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกสากล เนื่องในวาระ 100 ปี แห่งการสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า บรมธัมมิกมหาราช ได้เริ่มต้นขับเคลื่อนในส่วนภูมิภาคแล้ว  นำโดยนักเรียนแกนนำในอำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น มาร่วมกันออกเสียงอ่านสังวัธยายด้วยกุศลเจตนาในการสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา น้อมถวายเสียงเป็นพุทธบูชา

เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา โครงการพระไตรปิฎกสากล โดยกองทุนสนทนาธัมม์นำสุขฯ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ได้จัดการอบรมให้ความรู้ธัมบท และฝึกอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎก ในธัมบท หัวข้อ "คุณสมบัติพระอริยบุคคล" "สีลและปัญญาเป็นยอดในโลก" และ "ความไม่ประมาท คือบทสรุปพระธัมม์คำสอน" รวมทั้งฝึกการอ่านภาษาปาฬิ แปลไทย และภาคแปลภาษาอังกฤษ แก่นักเรียนแกนนำโรงเรียนชุมชนบ้านวังเพิ่ม อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น และนักเรียนในศูนย์เครือข่ายโรงเรียนเสมา สีชมพู จำนวน ๑๖ โรงเรียน   ทั้งนี้ ได้มีการบันทึกและจัดทำเป็นสื่อธัมมนิเทศ เพื่อใช้เป็นตัวอย่างแก่ยุวชนและผู้สนใจศึกษาการอ่านสังวัธยายพระไตรปิฎกสากลต่อไป

การจัดกิจกรรมและการบันทึกสื่อวิดิทัศน์ในครั้งนี้ทำให้เยาวชนในส่วนภูมิภาคเกิดความตระหนัก
และตื่นตัวขยายไปในจังหวัดต่างๆ เป็นจำนวนมาก

จึงนับว่าเป็นข่าวดีที่น่าอนุโมทนาสาธุการและน่าสนับสนุนให้เกิดการขยายผลสืบเนื่องไปเป็นอย่างยิ่ง   ..สาธุ สาธุ อนุโมทามิฯ

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ประธานาธิบดีประกาศนำหลักพุทธธรรมใช้พัฒนาประเทศในที่ประชุมสหประชาชาติ

 ประธานาธิบดี ประกาศนำหลักพุทธธรรม 
 ใช้พัฒนาประเทศ ต่อหน้าผู้นำจากทั่วโลก 
 ในที่ประชุมสหประชาชาติ 


นับว่าเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญที่ ผู้นำประเทศระดับประธานาธิบดีได้กล่าวต่อที่ประชุมสหประชาชาติท่ามกลางผู้นำจากทุกประเทศทั่วโลก ว่าจะใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาใช้ในการพัฒนาประเทศ และนี่คือการประกาศพระเกียรติคุณแห่งพระพุทธศาสนาในเวทีโลกอย่างงดงามอีกครั้งหนึ่ง โดยประเทศเล็กๆ ที่ชื่อว่า "ศรีลังกา"


แม้ว่าประเทศศรีลังกาจะเป็นประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ใต้ประเทศอินเดีย แต่กลับมีบทบาทโดดเด่นเป็นที่จดจำได้อย่างมีเอกลักษณ์ของตนเองในเวทีโลก โดยเฉพาะในด้านที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ตัวอย่างเช่น การเสนอให้วันวิสาขบูชา Vesak Day เป็นวันสำคัญสากลของโลกได้สำเร็จก็เป็นฝีมือเริ่มต้นของประเทศเล็กๆ อย่างศรีลังกา ที่มีชาวพุทธประมาณ 70% ของประชากรเท่านั้น หรือแม้แต่ประเทศที่เล็กมากๆ และกันดารไม่มีทางออกทะเลอย่างประเทศภูฏาน ก็สามารถทำให้ทั่วโลกได้รู้จักและยกย่องในความเป็นผู้นำที่ใช้ดัชนีชี้วัดความสุขมวลรวมประชาชาติ มาเป็นตัวชี้วัดการพัฒนาประเทศ ซึ่งก็พัฒนามาจากหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จนกลายเป็นกระแสการพัฒนาที่สำคัญของโลกอีกทางเลือกหนึ่ง


ล่าสุดประธานาธิบดีมหินท ราชปักษา แห่งประเทศศรีลังกา ได้ประกาศต่อหน้าผู้นำประเทศและผู้นำที่มีบทบาทเด่นในด้านต่างๆ จากทั่วโลก ในที่ประชุมสหประชาชาติ ว่าด้วยเรื่อง "เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ" Millennium Development Goals (MDGs) ณ กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า จะพัฒนาประเทศศรีลังกา บนพื้นฐานคุณค่าแห่งพุทธธรรม โดยได้ให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์เดลี่มิเรอร์ ในกรุงนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2553 นอกจากนี้เขายังระบุถึงแผนงาน "มหินทจินตนา" ที่จะนำประเทศไปสู่ยุคหลังสงครามและมุ่งเน้นการพัฒนาไปให้ถึงในระดับหมู่บ้าน เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหสวรรษ ตามกำหนดภายใน 5 ปีนี้ให้ได้สำเร็จด้วย


เมื่อเทียบบทบาทบนเวทีโลกของประเทศศรีลังกา กับประเทศที่ใหญ่และร่ำรวยกว่าอย่างประเทศไทยแล้ว ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศพุทธศาสนา มีพุทธศาสนิกชนมากกว่า 95% ของจำนวนประชากรของประเทศ ก็ทำให้ตั้งข้อสังเกตได้หลายอย่างว่า ทำไมประเทศไทยจึงไม่อาจมีบทบาทเด่นเชิงสร้างสรรค์ในเวทีโลกได้ ไม่มีเอกลักษณ์แห่งการจดจำที่โดดเด่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำพระพุทธศาสนามาใช้ในการบริหารและพัฒนาประเทศให้ปรากฏเป็นที่รับรู้ทั้งในระดับสากลและของคนไทยเองเลย ทั้งๆ ที่เรามีประชากรชาวพุทธในจำนวนเปอร์เซนต์ที่ถือว่ามากที่สุดในโลก และเป็นศาสนาที่อยู่คู่บ้านเมืองเรามาตั้งแต่เริ่มต้นประวัติศาสตร์สร้างชาติสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันไม่มีขาดช่วงเลย   มันจึงเป็นคำถามที่สำคัญว่าเกิดอะไรขึ้นต่อค่านิยม ความนึกคิด และโลกทัศน์ของคนทั้งในระดับผู้นำและประชาชนชาวพุทธ ในประเทศไทยนี้???!!!


(ซึ่งถูกวางยาให้เสื่อมจางลงและไกลห่างจากพุทธศาสนาในเวลา 50 ปีนี้เท่านั้นเอง)


อนุโมทนา การอ้างอิงเนื้อหาข่าวบางส่วนจาก: www.buddhistchannel.tv

ไทยจัดประชุมพุทธเถรวาทนานาชาติได้ยิ่งใหญ่ แต่การเผยแผ่ตปท.ยังล้าหลัง ติดแต่พิธีกรรมให้คนไทย ไม่เน้นหลักธรรม

ไทยจัดประชุมพุทธเถรวาทนานาชาติยิ่งใหญ่
   บุคคลสำคัญระดับโลกมาร่วมงานคับคั่ง   
    พร้อมระบุ การเผยแผ่ในต่างประเทศยังล้าหลัง เพราะยังยึดติดแต่พิธีกรรมกับคนไทย ไม่ได้เผยแผ่ที่หลักคำสอนแก่คนท้องถิ่นให้เห็นประโยชน์ได้จริง




พระเถระ กูรู และนักปราชญ์ด้านพุทธศาสนาเถรวาท จาก 15 ประเทศทั่วโลกมาร่วมประชุมวิชาการนานาชาติ ในหัวข้อเรื่อง “การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเถรวาทในศตวรรษที่ 21” (Dissemination of Theravada Buddhism in the 21st Century) เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูติ  3 ตุลาคม 2553 ซึ่งปีนี้ มีพระชนมายุ 97 พรรษา   โดยในปีนี้ ทาง มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ร่วมมือกับสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเถรวาท (ATBU) จัดขึ้นในระหว่าง วันที่ 30 กันยายน – 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ณ ห้องประชุมสุชีพ ปุญญานุภาพ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศาลายา จ. นครปฐม


ในวันเปิดการประชุม (30 ก.ย.) เจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต อุปนายกมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้กล่าวสัมโมทนียกถาเปิดการประชุมโดยชี้ให้เห็นว่าในปัจจุบันชาวโลกให้ความสนใจพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างกว้างขวาง พระธรรมทูตจึ้งต้องเป็นผู้ที่เสียสละ เพราะเป็นงานที่ยากและหนัก ต้องใช้กำลังกายใจปัญญา ในการเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อสร้างประโยชน์สุขให้แก่ชาวโลก
พระ ดร.อนิลมาน ธมฺมสากิโย รองคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มมร. กล่าวว่า การเผยแผ่พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท เมื่อเทียบกับนิกายวัชรยานและมหายาน ยังล้าหลังอยู่ แม้ในต่างประเทศมีวัดไทยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่มีการเผยแผ่ให้กับเฉพาะคนไทยในประเทศนั้นๆ ไม่ได้เข้าถึงคนท้องถิ่น
ขณะที่ ปราชญ์ด้านพุทธศาสนาระดับโลกอย่าง ศ.ดร.ริชาร์ด กอมบริดช์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการศูนย์พุทธศาสน์ศึกษา มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักร ชี้ว่า การเผยแผ่พุทธศาสนาเถรวาทยังยึดติดพิธีกรรมมากกว่าอย่างอื่น โดยเน้นไปที่การให้กำลังใจอย่างเดียวในลักษณะเป็นที่พักใจ มากกว่าจะเป็นการเผยแผ่คำสอนตามหลักพระพุทธศาสนา และนำหลักธรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวิชาการนานาชาติในครั้งนี้ ถือว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มากในระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการมีบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงระดับโลก และระดับปราชญ์ชั้นนำด้านพุทธศาสนาในแต่ละประเทศมาร่วมนำเสนอผลงานวิชาการอย่างคับคั่ง  ซึ่งหาโอกาสได้ยากที่บุคคลเหล่านี้จะมาประชุมพร้อมกันในงานเดียวกัน อาทิ


UK: ศาสตราจารย์ ริชาร์ด กอมบริช มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด  ผู้เชี่วยชาญภาษาบาลี และผู้ก่อตั้งศูนย์ออกซ์ฟอร์ดเพื่อพุทธศาสน์ศึกษาแห่งสหราชอาณาจักร แสดงปาฐกถาหลักในหัวข้อ “การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเถรวาทในศตวรรษที่ 21” 
Nepal: ดร.เกษับ ศากยะ นักวิชาการแนวหน้าทางด้านพระพุทธศาสนา จากประเทศเนปาลดินแดนต้นกำเนิดพระพุทธศาสนา นำเสนอบทความ “การฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเถรวาทในเนปาล: ความคาดหวังและปัญหา” 
Myanmar: พระ ดร.ธรรมปิยะ มหาวิทยาลัยธรรมทูตพระพุทธศาสนาเถรวาทนานาชาติ (เมียนม่า) นำเสนอบทความ "บทบาทของกรรมฐานสายมหาสีวิปัสสนาในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2"
Media (Film Maker): ดร.ติตัส เลแบร์ ผู้สร้างสื่อและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์อิสระ นำเสนอบทความ "บทบาทของมัลติมีเดียในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเถรวาท"


Interfaith Section:
USA: ท่านบาทหลวง ดร.เกรกรี สาร์กีย์ นำเสนอบทความในหัวข้อ  "การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในมุมมองคริสต์" 
Islam: ดร. ดิออน ปีเปิล นำเสนอบทความ "ความเป็นไปได้ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศอิสลาม"


ผู้สนใจบทความและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศาลายา จ. นครปฐม  หรือที่โทรศัพท์ 08-6886-0910 หรือ เวบไซต์ http://www.ic2010.mbu.ac.th  e-mail: ic2010@mbu.ac.th


อัลบั้มภาพเพิ่มเติม: Gallery of MBU Salaya
อนุโมทนาที่มาของรูปและเรื่องราวจาก: http://ic2010.mbu.ac.th