วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เยาวชนไทย นำเสนอโครงงานคุณธรรม ให้นายกฯ

  















รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเด็กและเยาวชนให้มีความคิดสร้างสรรค์ (31/7/2009)
พระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวํโส ประธานโครงการพัฒนาโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ “เยาวชนไทยทำดีถวายในหลวง” วัดสุทัศนเทพวราราม นำคณะเยาวชนและครูที่เข้าร่วมโครงการฯ เข้าเยี่ยมคารวะ นายกรัฐมนตรี

วันนี้ เวลา 09.00 น. ณ ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวํโส ประธานโครงการพัฒนาโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ “เยาวชนไทยทำดีถวายในหลวง” วัดสุทัศนเทพวราราม ได้นำคณะเยาวชนและครูที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 30 คน เข้าเยี่ยมคารวะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานผลการเข้าร่วมโครงการฯ และรับโอวาทเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนให้เป็นคนดี มีคุณธรรม
นางสาวอรวรรยา เชี่ยวชาญ ประธานโครงงานคลินิคคุณธรรมปี 2552 ได้กล่าวรายงาน ว่า โครงการพัฒนาโครงงานคุณธรรม เฉลิมพระเกียรติ “เยาวชนไทย” ทำดี ถวายในหลวง” เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เยาวชนได้รวมกลุ่มกันทำความดีอย่างมีปัญญา ทำให้เกิดการเรียนรู้คุณธรรม หลักธรรมและแนวพระราชดำริต่าง ๆ แบบเชิงรุกด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของ มีการทำงานอย่างเป็นระบบ ทำให้เกิดโครงงานทำความดีแก้ปัญหาต่าง ๆ ของเยาวชนด้วยตัวของเยาวชนเอง และกว่า 4 ปีที่ผ่านมา มีโครงงานคุณธรรมเกิดขึ้นกว่า 2 หมื่นโครงงาน ในปี 2551 โครงการได้ทำการคัดเลือกโครงงานเข้าสู่ระดับประเทศจำนวน 50 โครงงาน รวมกับโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ กิตติคุณ “ประโยชน์สุขแห่งมหาชน” ซึ่งเป็นโครงงานยอดเยี่ยมระดับประเทศ ที่เคยได้รับโล่รางวัลเกียรติยศพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ได้ทำงานต่อเนื่องมากว่า 3 ปี อีก 9 โครงงาน รวมเป็น 59 โครงงาน ที่ได้มาเข้าค่ายระดับประเทศ Moral Project Academy for Youth 9.2 เพื่อพัฒนาผู้นำเยาวชนให้เป็นวิทยากร
สำหรับกระบวนการโครงงานคุณธรรมในค่ายแห่งนี้ มีนักเรียนระดับมัธยมศึกษา ประมาณ 140 คน ครู 45 คคน พระวิทยากร 10 รูป รวมประมาณ 200 รูป/คน ณ วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2552 และได้ร่วมจัดงานนิทรรศการโครงงานระดับประเทศในงานตลาดนัดคุณธรรม ณ อิมแพ็คเมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2552
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับฟังการนำเสนอโครงงานแบบย่อ จากตัวอย่างโครงการจำนวน 6 โครงงาน จากตัวแทนเยาวชน 3 กลุ่มประเด็น คือ การลดเลิกพฤติกรรมเสี่ยง เพิ่มงานจิตอาสา และพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง จากนั้นได้ให้โอวาทแก่เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ว่า ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง ถ้าคนไทยไม่สามารถแก้ไขในเรื่องของค่านิยมที่ผิด ไม่สามารถปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมได้ ทุกปัญหาย่อมแก้ไขได้ยาก หรือแทบจะแก้ไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง แต่ถ้าคนไทยสามารถทำให้สังคมเป็นสังคมคุณธรรมอย่างแท้จริง ปัญหาทุกอย่างย่อมสามารถแก้ไขได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สิ่งสำคัญและเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความห่วงใยมาโดยตลอดคือ เรื่องของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกอย่างรวดเร็ว ที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของคนไทยขาดมักจะขาดหายไป ซึ่งความจริงแล้วความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไม่ดี ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ดีได้ แต่อยู่ที่ความพร้อมของคน และสังคมที่จะรับและรู้จักความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่สร้างสรรค์
การจัดค่ายสำหรับเยาวชนในการทำดีถวายในหลวง จึงถือได้ว่า เป็นการเพิ่มพื้นที่ในทางสร้างสรรค์ ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งรวมไปถึงเรื่องของการเอาใจใส่ในเรื่อง คน สัตว์ และกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลกำลังมีการดำเนินการที่จะผลักดันเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติต่อสัตว์ให้เหมาะสม โดยจะมีการแยกประเภทของ สัตว์ป่า สัตว์เลี้ยง สัตว์ใช้งาน ซึ่งขณะนี้ยังมีปัญหาอยู่มากเกี่ยวกับการปฎิบัติของคนต่อสัตว์ทั้งหลายที่ยังคงมีการทารุณ มีการละเมิดสิทธิ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเข้าไปคุ้มครองและแก้ไขจัดระบบให้ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในรื่องของเด็ก เยาวชน คนพิการ ผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุนั้น ได้ให้กระทรวงศึกษาธิการ จัดทำโครงการที่ให้เด็กนักเรียนได้ใช้เวลาอยู่กับผู้สูงอายุ เพราะเชื่อว่านอกจากจะเป็นการลดช่องว่างระหว่างวัยได้เป็นอย่างดีแล้ว จะทำให้คนต่างวัย มีความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญในการที่จะหล่อหลอมจิตใจของคนให้เห็นความสำคัญของการสืบทอดสืบสานสิ่งที่คนรุ่นก่อน ๆ ทำมา และเรียนรู้ในโลกที่เติบโตขึ้นมาในสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกันด้วย
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า แม้สิ่งเหล่านี้รัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนและรณรงค์ แต่รัฐบาลไม่สามารถบังคับได้ ไม่เช่นนั้นการแก้ปัญหาจะไม่จบสิ้น โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีกับเยาวชน เช่น การที่จะบังคับให้เด็กเล่นเกมไม่เกินวันละ 3 ชั่วโมงนั้น คงไม่สามารถทำได้ แต่สามารถชี้แจงและอธิบายให้เด็กเข้าใจในการเลือกเล่มเกมที่สร้างสรรค์ และต้องรู้จักความพอประมาณ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวนี้รัฐบาลพร้อมที่จะผลักดัน แต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ที่สำคัญต้องเข้าใจเด็กรุ่นใหม่ว่า มีความคิดที่แตกต่างจากเด็กในยุคก่อน ๆ ซึ่งถือเป็นธรรมชาติของความเปลี่ยนแปลง แต่เชื่อว่าโดยพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน จะรุ่นไหนก็ตาม ย่อมมีพื้นฐานความดีอยู่ในตัว เพียงแต่ว่าเราจะสามารถดึงออกมาและใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งรัฐบาลจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ในการส่งเสริมสนับสนุนสิ่งดี ๆ ควบคู่กับการส่งเสริมในด้านคุณธรรม จริยธรรม โดยเฉพาะหลักธรรมคำสอนของศาสนา
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้มอบหนังสือพลังแห่งแผ่นดิน นวมินทรมหาราชา พร้อมแผ่นซีดี Thailand in the 2000’ s แก่ พระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวํโส และคณะครู และมอบหนังสือชุดเกี่ยวกับศิลปะการปั้นดิน และเสื้อฉันรักประเทศไทย แก่เยาวชนทุกคน พร้อมถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก
-----------------------------
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษกลัดดา /รายงาน


ขออนุโมทนา ข้อมูลจากเวบ http://media.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=471&directory=1779&contents=34375

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น